การหยุดฉนวนกันความร้อน หรือที่มักใช้ในความหมายเดียวกับ 'thermal break' เป็นแนวคิดพื้นฐานในวิทยาศาสตร์อาคารและวิศวกรรมความร้อน ซึ่งหมายถึงการใส่วัสดุที่มีการนำความร้อนต่ำเข้าไปในโครงสร้างอย่างตั้งใจ เพื่อขัดขวางเส้นทางการนำความร้อนที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง มันคือการ 'หยุด' ชั้นฉนวนกันความร้อนอย่างมีกลยุทธ์ เพื่อป้องกันปรากฏการณ์ thermal bridging คำนี้สามารถใช้อธิบายได้ทั้งหลักการออกแบบในเชิงแนวคิด และส่วนประกอบทางกายภาพเอง ในบริบทของอาคาร การหยุดฉนวนกันความร้อนมีความสำคัญอย่างยิ่งตามจุดต่อต่างๆ ที่ชั้นฉนวนหลักถูกขัดจังหวะ เช่น ตรงตำแหน่งที่พื้นคอนกรีตเชื่อมต่อกับผนังด้านนอก รอบกรอบหน้าต่างและประตู และตามจุดที่มีโครงสร้างเจาะทะลุผ่าน ประสิทธิภาพของการหยุดฉนวนกันความร้อนจะขึ้นอยู่กับคุณสมบัติทางความร้อนของวัสดุที่ใช้ (ค่า k-value) รูปร่างเรขาคณิต (ความกว้างและความลึก) และความต่อเนื่องของมัน ตัวอย่างเช่น ในกรอบหน้าต่างโลหะ การหยุดฉนวนกันความร้อนคือแถบโพลัยแอมายด์ (polyamide strip) ที่แยกส่วนอลูมิเนียมด้านในและด้านนอกออกจากกัน โดยทั่วไปแล้ว ช่องว่างหรือจุดที่ฉนวนกันความร้อนไม่ต่อเนื่อง แม้จะเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ ก็สามารถเรียกว่าเป็นการหยุดฉนวนกันความร้อนได้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของความต่อเนื่องเพื่อประสิทธิภาพโดยรวม เป้าหมายของการออกแบบการหยุดฉนวนกันความร้อนอย่างมีจุดมุ่งหมาย คือ การสร้างเกราะกันความร้อนที่ต่อเนื่องรอบเปลือกอาคาร เพื่อเพิ่มค่า R-value ที่มีประสิทธิภาพของโครงสร้างทั้งหมดอย่างสูงสุด หลักการนี้ไม่เพียงนำไปใช้ในงานก่อสร้างเท่านั้น แต่ยังใช้ในอิเล็กทรอนิกส์ (เช่น thermal breaks ในฮีทซิงก์) การออกแบบอุตสาหกรรม และการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อควบคุมการไหลของความร้อน พัฒนาประสิทธิภาพ ป้องกันการควบแน่น และรับประกันความปลอดภัยและความสบายของผู้ใช้งาน การออกแบบรายละเอียดและการติดตั้งการหยุดฉนวนกันความร้อนอย่างถูกต้อง จึงเป็นทักษะสำคัญสำหรับนักออกแบบและผู้สร้างอาคารที่มุ่งมั่นจะสร้างโครงสร้างที่มีประสิทธิภาพสูง มีประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน และมีความทนทาน